ประวัติความเป็นมา
2533
|
จดทะเบียนก่อตั้งบริษัท ยูไนเต็ด เปเปอร์ จำกัด (“บริษัท”) ขึ้นเมื่อ 15 สิงหาคม 2533 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 150 ล้านบาท |
2536
|
บริษัทมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 150 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีทุนจดทะเบียนเป็น 300 ล้านบาท |
2537
|
บริษัทได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างโรงงาน และเริ่มทดลองเดินเครื่องจักร และภายในปีเดียวกัน บริษัทได้ทำการเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 2 ครั้ง ทำให้บริษัทมีทุนจดทะเบียนเป็น 360 ล้านบาท |
2538
|
บริษัทเริ่มประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายกระดาษคราฟท์ |
2540
|
บริษัทมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 50 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีทุนจดทะเบียนเป็น 410 ล้านบาท |
2543
|
บริษัทได้รับการรับรองระบบบริหารงานคุณภาพ ISO 9001 : 1994 จากสถาบัน The United Kingdom Accreditation Services (UKAS) และ ในเดือนธันวาคม 2543 บริษัทได้ดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท ทำให้บริษัทมีทุน จดทะเบียนเป็น 447 ล้านบาท |
2545
|
บริษัทมีการปรับปรุงกระบวนการการผลิต โดยเพิ่มหม้อไอน้ำ และเปลี่ยนประเภทของเชื้อเพลิงที่ใช้จากเดิมซึ่งใช้น้ำมันเตามาเป็นถ่านหินเพื่อประหยัดพลังงาน |
2546
|
– ในปี 2546 บริษัทได้รับการรับรองระบบบริหารงานคุณภาพ ISO 9001 : 2000 จากสถาบัน The United Kingdom Accreditation Services (UKAS) และได้เริ่มดำเนินการตามโครงการ สร้างเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาด 7.5 เมกะวัตต์เพื่อช่วยลดต้นทุนค่าพลังงานไฟฟ้าและไอน้ำ |
2547
|
– ในเดือนกุมภาพันธ์ 2547 บริษัทได้ดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 49.60 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีทุนจดทะเบียนเป็น 496.60 ล้านบาท – ในเดือนมีนาคม 2547 บริษัทได้ดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทเป็น 650.00 ล้านบาท และดำเนินการแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน โดยมีทุนที่ยังไม่ได้เรียกชำระจำนวน 153.40 ล้านบาท ซึ่งจัดสรรไว้สำหรับการเสนอขายให้กับประชาชนต่อไป – เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2547 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทมีมติให้เปลี่ยนมูลค่าที่ตราไว้ ของหุ้นของบริษัทจาก 10 บาท/หุ้น เป็น 5 บาท/หุ้น |
2548
|
– เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2548 โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมได้ผ่านการทดสอบการเดินเครื่อง และสามารถเริ่มผลิตกระแสไฟฟ้าและพลังงานไอน้ำได้ – เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2548 STEAM TURBINE เกิดการเสียหาย และทางบริษัทฯ ได้ส่งส่วนประกอบของ TURBINE กลับไปให้ผู้ผลิตเพื่อทำการแก้ไข |
2549
|
– เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2549 บริษัทฯ ผู้ผลิตได้ส่งส่วนประกอบของ TURBINE ที่ได้รับการแก้ไขให้เป็นปกติแล้วกลับมายังบริษัทฯ เพื่อดำเนินการติดตั้งส่วนประกอบของ TURBINE ดังกล่าว – เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2549 โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมได้ทำการทดสอบการเดินเครื่อง หลังจากได้ติดตั้งส่วนประกอบของ TURBINE แล้ว และสามารถเริ่มผลิตกระแสไฟฟ้าได้ตามปกติ |
2550
|
– เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2550 บริษัทฯ ได้ดำเนินการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมจาก 7.50 เมกะวัตต์ เป็น 9.50 เมกะวัตต์ ทำให้สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น |
2551
|
– เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2551 บริษัทฯ ได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค – คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน มีมติเห็นชอบให้บริษัทฯ สามารถประกอบกิจการไฟฟ้า, ผลิตพลังงานควบคุม และจำหน่ายไฟฟ้าได้ เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2551 – เดือนกันยายน 2551 บริษัทฯ เริ่มทำการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าส่วนที่เหลือให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นครั้งแรก |
2554
|
– บริษัทฯ ได้รับการรับรองระบบริหารงานคุณภาพ ISO 9001 : 2008 จากสถาบัน The United Kingdom Accreditation Services (UKAS) |
2556
|
– เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2556 บริษัทฯ ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้จากเดิม 5 บาท เปลี่ยนเป็น 1 บาท รวมทั้งแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิ ข้อ 4 ของบริษัท ทำให้หุ้นสามัญของบริษัทเพิ่มขึ้น จากเดิม 130 ล้านหุ้น เป็น 650 ล้านหุ้น โดยมีทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วคงเดิม |
2559
|
– บริษัทฯ ได้ดำเนินการขยายกำลังการผลิต โดยเพิ่มสายการผลิตอีก 1 สาย สามารถผลิตเพิ่มขึ้นได้ 200,000 ตันต่อปี โครงการดังกล่าวได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจาก BOI เมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2559 จำนวนวงเงินลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 1,400 ล้านบาท โดยทำการกู้ยืมเงินจำนวนดังกล่าวจากธนาคารกสิกรไทยประมาณ 1,200 ล้านบาท ทั้งนี้ได้เริ่มทำการทดสอบผลิตสินค้าตั้งแต่ เดือนพฤศจิกายน 2559 สามารถจำหน่ายสินค้าทดสอบผลิตใน เดือนธันวาคม 2559 คาดว่าจะสามารถเริ่มทำการผลิตจริงได้ตั้งแต่ เดือนมกราคม 2560 เป็นต้นไป |
2560
|
– ตั้งแต่ต้นปี 2560 บริษัทฯ ได้ทำการหยุดเดินเครื่องผลิตกระดาษเดิมเพื่อทำการซ่อมบำรุงและปรับปรุงประสิทธิภาพครั้งใหญ่ โดยเดินเครื่องเครื่องผลิตกระดาษใหม่ซึ่งมีกำลังการผลิตและประสิทธิภาพสูงกว่าเป็นหลักระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งนี้เครื่องผลิตกระดาษทั้งสองสามารถกลับมาทำการผลิตพร้อมกันได้หลังจากที่เสร็จสิ้นการซ่อมบำรุงและปรับปรุง ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับการแล้วเสร็จของระบบผลิตพลังงานไอน้ำและไฟฟ้าในปลายไตรมาส 3 บริษัทฯ ได้ทำการเดินเครื่องผลิตทั้งสองเครื่องพร้อมกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา |
2562
|
– ติดตั้งเครื่องจักร กรอและตัดแบ่งม้วนกระดาษใหม่ ขนาดความเร็ว 2,300 เมตร/นาที สามารถกรอและตัดแบ่งม้วนกระดาษได้ 500 ตันต่อวัน ซึ่งแล้วเสร็จในเดือน เม.ย. – ก่อสร้างอาคารจัดเก็บสินค้าใหม่ ขนาด 6,000 ตารางเมตร สามารถจัดเก็บสินค้าสำเร็จรูปได้ราว 6,500 ตัน ซึ่งแล้วเสร็จในเดือน ต.ค. – ก่อสร้างอาคารจัดเก็บถ่านหินใหม่ ขนาด 2,000 ตารางเมตร สามารถจัดเก็บถ่านหินได้ 2,000 – 3,000 ตัน คาดว่าจะแล้วเสร็จใน ม.ค. 2563 – ชำระคืนเงินกู้ระยะยาวทั้งจำนวนแก่สถาบันการเงิน ครบถ้วนแล้ว ในเดือน ต.ค. – ได้รับใบรับรอง FSCTM (Forest Stewardship CouncilTM) License Code FSC-C150551 สำหรับกิจกรรมการผลิตที่เป็นการอนุรักษ์ป่าไม้ ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี – รณรงค์การขายผลิตภัณฑ์ของบริษัท เช่น KJ, KAU, KX, CJ ภายใต้กิจกรรม “You Use U-Care” โดยมุ่งเน้นให้ผู้บริโภคขั้นสุดท้ายตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม หันมาใช้กล่องที่ผลิตจากกระดาษ Recycle 100% |
2563
|
– เปิดดำเนินการ BOI ตามที่ได้รับส่งเสริมการลงทุน – ได้รับการประเมินและจัดอันดับโดยหน่วยงาน ESG Rating ของสถาบันไทยพัฒน์ ให้เป็นบริษัทที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้าน สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ประจำปี 2563 – ได้รับรางวัล Forbes Asia Best Under a Billion Awards |
2566
|
– เดินเครื่องจักรใหม่สำหรับกระบวนการเตรียมเยื่อกระดาษในปลายไตรมาสที่ 2 เพื่อเพิ่มคุณภาพน้ำเยื่อ ตลอดจนสัดส่วนของผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงให้มากขึ้น – เริ่มสั่งซื้อเครื่องจักร CFB Boiler 75T/Hr ด้วยเงินลงทุนจากกระแสเงินสดของบริษัทเองราว 250 ล้านบาท สามารถผลิตไฟฟ้าได้ 12 MW/H ซึ่งจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตได้ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปี 2567 โดยได้รับส่งเสริมการลงทุนตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรเพื่อประหยัดพลังงาน เป็นระยะเวลา 3 ปี |